top of page

Orange flowers.

เบญจมาศ

 

  มีดอกเป็นแบบ “head”ประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก ดอกที่อยู่รอบนอกจะมีการเจริญเติบโตที่ดีกว่า มองเห็นกลีบดอกได้ชัดเจนกว่า เรียกว่า ray florets ซึ่งเป็นดอกแบบ imperfect คือมีแต่เกสรตัวเมียไม่มีเกสรตัวผู้ ดอกที่อยู่วงในเข้าไปและมีการเจริญเติบโตช้า มองเห็นกลับดอกไม่ชัดเจน เพราะมีกลีบดอกสั้น รวมกันอยู่เป็นกระจุกตรงกลางของดอก เบญจมาสเป็นไม้เนื้ออ่อน และเป็นพืชหลายฤดู แต่นิยมปลูกเป็นไม้ล้มลุก มีอายุ 90-150 วันและเป็นพืชไวต่อความยาวของวันหรือช่วงแส

       

               http://www.the-than.com/FLower/Fl-2/1/1.html

ดอกประทัดไต้หวัน

 

  ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลม กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดงเรื่อ

 ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือรอบข้อประมาณ 3 ใบ ใบรูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 5-7 เซนติเมตร  ยาว 5-10 เซนติเมตร   ปลายใบแหลม  โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย   ผิวใบด้านบนสีเขียวอม เหลือง เป็นมัน

ดอก :  สีส้มแดง   ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง   โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดแคบเล็ก ปลายแยก 4 แฉก หยักเป็นแฉกเล็กๆ

ผล :   ผลสดแบบมีเนื้อ  รูปไข่  กว้างประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร เมื่อแก่มีสีดำ มีเมล็ดจำนวนมาก

 

                         http://www.the-than.com/FLower/Fl-2/101/101.html

ดอกมธุรดา

 

   ลักษณะเป็นไม้โตเร็ว พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดกลาง บางครั้งอาจเลื้อยได้ไกลถึง 6 เมตร มันจะใช้รากพิเศษที่ออกเป็นกระจุกรอบกิ่งแก่สีน้ำตาลเกาะตามคาคบไม้ 
หรือซุ้มต้นไม้ที่เราจัดไว้ เปลือกของกิ่งจะแตกเป็นลายทาง ลักษณะใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ มีใบย่อย 7-9 ใบ รูปไข่ ขนาด 3-5x5-7 ซม.
ปลายใบแหลม ขอบใบจักฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกรูปแตร กลีบดอกมีสีส้มอมแดง หรือสีโอรส ส่วนปลายดอกแยก ออกเป็น 5 กลีบ รูปกลมซ้อนเกยกัน เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 4-6 ซม. ที่สำคัญมันสามารถออกดอกให้คุณชมได้ตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์โดยใช้วิธีปักชำ ชอบดินระบายน้ำดี และชอบแสงแดดจัด

 

                       http://www.the-than.com/FLower/Fl-2/100/100.html

ดอกเปลวสุริยัน

 

 

  ไม้เถาเลื้อย  เนื้อแข็ง  อายุหลายปี  เลื้อยได้ไกลถึง 6 เมตร ลำต้นอ่อนสีเขียว มีหนาม ลำต้นแก่สีน้ำตาลอมม่วง มีลายสีม่วงดำตามความยาวของลำต้น ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปหอก กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจักฟันเลื่อย แผ่นใบหนาแข็ง ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อน สีส้มอมแดง มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงหลั่นที่ปลายกิ่ง ช่อละ 6-10 ดอก ดอกย่อย แต่ละดอกประกอบด้วยดอกเล็กๆ เป็นจำนวนมาก  แบ่งเป็นดอกวงนอกซึ่งเป็นดอกเพศเมียกลีบดอกรูปขอบ-ขนาน 14-18 กลีบ  และดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ  สีส้มอมน้ำตาลเป็นหลอดกระจุกอยู่กลางดอก ผลแห้ง เมล็ดมีพู่ขนสีขาว ปลิวไปตามลมได้

            

             http://www.the-than.com/FLower/Fl-2/83/83.html

ดอกกล้วยไม้

 

   ออกที่ปลายลำต้น  ซอกใบหรือข้างลำต้น  ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ  แต่ละดอกมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบเรียงสลับกันกับกลีบดอก 3 กลีบ  กลีบดอกอันล่างมีลักษณะต่างออกไปเรียกว่ากลีบปากหรือกลีบกระเป๋าไว้สำหรับ ล่อแมลง  ก้านเกสรตัวเมียและยอดเกสรตัวเมียเชื่อมติดกันกับเกสรตัวผู้เป็นเส้า เกสรอยู่กลางดอก  เกสรตัวผู้อยู่รวมกันเป็นก้อนเป็นกลุ่มเรณู  แต่ละอับเรณูมีฝาปิด  มี 2, 4 หรือ 8 ก้อนแล้วแต่ชนิดกล้วยไม้  ยอดเกสรตัวเมียอยู่ใต้อับเรณู  มีลักษณะเป็นเมือกเหนียว  รังไข่อยู่ตรงส่วนของก้านดอก  เมื่อได้รับการผสมจะเจริญไปเป็นเมล็ดต่อไป

 

             http://www.the-than.com/FLower/Fl-1/3/3-1.html

bottom of page